อินทรีย์ ๒๒
ธรรมชาติที่เป็นใหญ่ ปกครองทำกิจต่างๆ ในหน้าที่ของตนๆ เรียกว่า อินทรีย์ มี ๒๒ ประการธรรมชาติเป็นภูมิเป็นพื้นที่ให้วิปัสสนาเจริญงอกงามไพบูลย์ยิ่งขึ้น จวบจนบรรลุโลกุตตรธรรมเป็นที่สุดได้ ดังจะได้แสดงให้ประจักษ์ชัดต่อไปนี้๑. จักขุนทรีย์ คือความเป็นใหญ่ของตา มีหน้าที่รับสี๒. โสตินทรีย์ คือความเป็นใหญ่ของหู มีหน้าที่รับเสียง๓. ฆานินทรีย์ คือความเป็นใหญ่ของจมูก มีหน้าที่รับกลิ่น๔. ชิวหินทรีย์ คือความเป็นใหญ่ของลิ้น มีหน้าที่รับรส๕. กายินทรีย์ คือความเป็นใหญ่ของกาย มีหน้าที่รับสัมผัส๖. มนินทรีย์ คือความเป็นใหญ่ของใจมีหน้าที่รู้อารมณ์๗. อิตถินทรีย์ คือความเป็นใหญ่ของหญิง มีหน้าที่แสดงลักษณะ กิริยาอาการของหญิง๘. ปุริสินทรีย์ คือความเป็นใหญ่ของชาย มีหน้าที่แสดงลักษณะกิริยาอาการของชาย๙. ชีวิตินทรีย์ คือความเป็นใหญ่ของชีวิต มีหน้าที่รักษารูปนาม๑๐. สุขินทรีย์ คือความเป็นใหญ่ของสุขเวทนา มีหน้าที่สบาย๑๑. ทุกขินทรีย์ คือความเป็นใหญ่ของทุกขเวทนา มีหน้าที่ไม่สบาย๑๒. โสมนัสสินทรีย์ คือความเป็นใหญ่ของโสมนัสสเวทนา มีหน้าที่ดีใจ๑๓. โทมนัสสินทรีย์ คือความเป็นใหญ่ของโทมนัสสเวทนา มีหน้าที่เสียใจ๑๔. อุเปกขินทรีย์ คือความเป็นใหญ่ของอุเบกขาเวทนา มีหน้าที่วางเฉย๑๕. สัทธินทรีย์ คือความเป็นใหญ่ของศรัทธา มีหน้าที่เชื่อเลื่อมใส๑๖. วิริยินทรีย์ คือความเป็นใหญ่ของวิริยะ มีหน้าที่เพียรพยายาม๑๗. สตินทรีย์ คือความเป็นใหญ่ของสติ มีหน้าที่รู้ทันปัจจุบัน๑๘. สมาธินทรีย์ คือความเป็นใหญ่ของสมาธิ ได้แก่ เอกัคคตา มีหน้าที่ตั้งมั่นแน่วแน่๑๙. ปัญญินทรีย์ คือความเป็นใหญ่ของปัญญา มีหน้าที่รู้ไตรลักษณ์๒๐. อนัญญตัญญัสสามีตินทรีย์ คือความเป็นใหญ่ของโสตาปัตติมัคคญาณ มีหน้าที่รู้พระนิพพานที่ยังไม่เคยรู้ ตัดอกุศลจิตได้ ๕ ดวง๒๑. อัญญินทรีย์ คือความเป็นใหญ่ของโสตาปัตติผลญาณ จนถึง อรหัตตมัคคญาณ มีหน้าที่รู้พระนิพพาน ตัดอกุศลจิตตามลำดับ๒๒. อัญญาตาวินทรีย์ คือความเป็นใหญ่ของอรหัตตผลญาณ มีหน้าที่รู้พระนิพพานและตัดอกุศลจิต ๑๒ ดวง สิ้นเชิงอินทรีย์ ๒๒ ประการนี้ ก็เป็นสภาวะปรมัตถธรรมเช่นเดียวกับขันธ์ ๕ โดยสงเคราะห์ ดังต่อไปนี้๑. จักขุนทรีย์ ได้แก่ จักขุปสาทรูป๒. โสตินทรีย์ ได้แก่ โสตปสาทรูป๓. ฆานินทรีย์ ได้แก่ ฆานปสาทรูป๔. ชิวหินทรีย์ ได้แก่ ชิวหาปสาทรูป๕. กายินทรีย์ ได้แก่ กายปสาทรูป๖. มนินทรีย์ ได้แก่ จิตทั้งหมด๗. อิตถินทรีย์ ได้แก่ อิตถีภาวรูป๘. ปุริสินทรีย์ ได้แก่ ปุริสภาวรูป๙. ชีวิตินทรีย์ ได้แก่ ชีวิตรูป ชีวิตนาม๑๐. สุขินทรีย์ ได้แก่ สุขเวทนาเจตสิก๑๑. ทุกขินทรีย์ ได้แก่ ทุกขเวทนาเจตสิก๑๒. โสมนัสสินทรีย์ ได้แก่ โสมนัสสเวทนาเจตสิก๑๓. โทมนัสสินทรีย์ ได้แก่ โทมนัสสเวทนาเจตสิก๑๔. อุเปกขินทรีย์ ได้แก่ อุเปกขาเวทนาเจตสิก๑๕. สัทธินทรีย์ ได้แก่ ศรัทธาเจตสิก๑๖. วิริยินทรีย์ ได้แก่ วิริยเจตสิก๑๗. สตินทรีย์ ได้แก่ สติเจตสิก๑๘. สมาธินทรีย์ ได้แก่ เอกัคคตาเจตสิก๑๙. ปัญญินทรีย์ ได้แก่ ปัญญาเจตสิก (โลกีย์)๒๐. อนัญญตัญญัสสามีตินทรีย์ ได้แก่ ปัญญาเจตสิก (โลกุตตระ)๒๑. อัญญินทรีย์ ได้แก่ ปัญญาเจตสิก (โลกุตตระ)๒๒. อัญญาตาวินทรีย์ ได้แก่ ปัญญาเจตสิก (โลกุตตระ)อินทรีย์ ๒๒ ประการนี้ เมื่อสรุปแล้ว ได้แก่ รูปธรรม กับ นามธรรม เหมือนกับภูมิอื่น สงเคราะห์ได้ดังนี้ คือ๑. จักขุนทรีย์ เป็นรูปธรรม๒. โสตินทรีย์ เป็นรูปธรรม๓. ฆานินทรีย์ เป็นรูปธรรม๔. ชิวหินทรีย์ เป็นรูปธรรม๕. กายินทรีย์ เป็นรูปธรรม๖. อิตถินทรีย์ เป็นรูปธรรม๗. ปุริสินทรีย์ เป็นรูปธรรม๘. ชีวิตินทรีย์ เป็นรูปธรรม และ นามธรรม๑๐. สุขินทรีย์ เป็นนามธรรม๑๑. ทุกขินทรีย์ เป็นนามธรรม๑๒. โสมนัสสินทรีย์ เป็นนามธรรม๑๓. โทมนัสสินทรีย์ เป็นนามธรรม๑๔. อุเปกขินทรีย์ เป็นนามธรรม๑๕. สัทธินทรีย์ เป็นนามธรรม๑๖. วิริยินทรีย์ เป็นนามธรรม๑๗. สตินทรีย์ เป็นนามธรรม๑๘. สมาธินทรีย์ เป็นนามธรรม๑๙. ปัญญินทรีย์ เป็นนามธรรม๒๐. อนัญญตัญญัสสามีตินทรีย์ เป็นนามธรรม๒๑. อัญญินทรีย์ เป็นนามธรรม๒๒. อัญญาตาวินทรีย์ เป็นนามธรรมอินทรีย์ ๒๒ แยกเป็น รูปธรรม ๗ เป็น นามธรรม ๑๔ เป็นทั้งรูปธรรม ทั้งนามธรรม ๑ รูปนามนี้เองที่นำมาเป็นอารมณ์ของวิปัสสนา เป็นตัวกัมมัฏฐาน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น